ค่าไฟของบริษัท: ควรชำระเองหรือให้นิติบุคคลเป็นผู้ดำเนินการแทน?

สำหรับธุรกิจที่เช่าพื้นที่สำนักงาน อาคารพาณิชย์ หรือโรงงาน มักพบประเด็นสำคัญด้านการบริหารต้นทุนสาธารณูปโภค โดยเฉพาะ“ค่าไฟฟ้า”ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้สองรูปแบบ คือ การที่บริษัททำสัญญาและชำระค่าไฟด้วยตนเอง หรือ การให้นิติบุคคลของอาคารเป็นผู้รับผิดชอบเบื้องต้นและเรียกเก็บภายหลัง การทำความเข้าใจความแตกต่างของทั้งสองระบบมีความสำคัญต่อการจัดการต้นทุน การตรวจสอบบัญชี และการวางแผนการเงินขององค์กร

1) การที่บริษัทชำระค่าไฟด้วยตนเอง

เป็นรูปแบบที่บริษัททำสัญญาใช้ไฟฟ้ากับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยตรง และติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าในชื่อบริษัท

ลักษณะสำคัญ

• ใบแจ้งค่าไฟฟ้าออกใน ชื่อของบริษัท

• บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบการชำระเงินกับการไฟฟ้าโดยตรง

• ค่าไฟเป็นไปตามอัตราทางราชการ ไม่ถูกบวกค่าบริหารอื่น

• เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความชัดเจนและตรวจสอบได้

ข้อดี

• มี ความโปร่งใสสูง สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้โดยตรง

• เอกสารประกอบบัญชีมีความครบถ้วนและถูกต้องกว่า

• ไม่มีการปรับราคาเพิ่มโดยผู้ให้เช่าหรือฝ่ายนิติ

• เหมาะกับกิจการที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง เช่น โรงงานหรือสำนักงานขนาดใหญ่

ข้อจำกัด

• จำเป็นต้องวาง เงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้า

• อาจต้องดำเนินเอกสารและขั้นตอนกับการไฟฟ้าด้วยตนเอง

• บางอาคารไม่อนุญาตให้แยกมิเตอร์ตามผู้เช่า

2) การให้นิติบุคคลเป็นผู้ชำระค่าไฟแทน

เป็นรูปแบบที่นิติบุคคลของอาคารเป็นผู้ถือสัญญาไฟฟ้าหลักกับการไฟฟ้า จากนั้นจึงติดตั้งมิเตอร์ย่อยเพื่อแยกอ่านหน่วยไฟฟ้าของผู้เช่าแต่ละราย พร้อมออกใบแจ้งค่าไฟให้บริษัทผู้เช่าโดยตรง

ลักษณะสำคัญ

• การไฟฟ้าออกใบแจ้งหนี้ใน ชื่อนิติบุคคลของอาคาร

• บริษัทชำระค่าไฟให้กับนิติบุคคลตามมิเตอร์ย่อย

• นิติอาจมี ค่าบริหารหรือค่าดูแลระบบ เพิ่มเติม

• เหมาะสำหรับอาคารที่ใช้ระบบมิเตอร์รวม

ข้อดี

• มีความสะดวก ไม่ต้องทำสัญญาหรือดำเนินงานกับการไฟฟ้าเอง

• ไม่ต้องวางเงินประกันมิเตอร์

• เหมาะกับพื้นที่เช่าระยะสั้น หรืออาคารที่มีข้อจำกัดด้านระบบไฟฟ้า

ข้อจำกัด

• ความโปร่งใสอาจลดลง เนื่องจากไม่ใช่บิลจากการไฟฟ้าโดยตรง

• อัตราค่าไฟอาจมีค่าบริหารเพิ่มเติม

• เอกสารต้องมีการอธิบายในขั้นตอนบัญชี เพื่ออ้างอิงถึงผู้ให้บริการที่แท้จริง

ควรเลือกแบบใดจึงเหมาะสมที่สุด?

จ่ายเอง เหมาะกับ:

• บริษัทที่ต้องการเอกสารบัญชีสมบูรณ์

• กิจการที่มีการใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก

• องค์กรที่ต้องการความโปร่งใสสูง

• ผู้เช่าที่อาคารอนุญาตให้แยกมิเตอร์

นิติจ่ายแทน เหมาะกับ:

• ผู้เช่าที่ต้องการความสะดวก

• อาคารที่มีระบบมิเตอร์รวม

• พื้นที่เช่าที่ไม่ต้องการติดตั้งระบบเพิ่มเติม

• ผู้เช่าระยะสั้น

สรุป

การเลือกวิธีชำระค่าไฟของบริษัทควรพิจารณาตาม ลักษณะพื้นที่เช่า ความต้องการด้านความโปร่งใส เอกสารบัญชี และความสะดวกในการบริหารจัดการ
หากต้องการความถูกต้องตามระบบบัญชีและตรวจสอบได้ง่าย การชำระค่าไฟโดยตรงในนามบริษัทถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด แต่หากต้องการความสะดวกและต้องปฏิบัติตามระบบของอาคาร การให้นิติบุคคลเป็นผู้รับผิดชอบและเรียกเก็บค่าใช้จ่ายภายหลัง ก็เป็นทางเลือกที่สามารถดำเนินการได้เช่นกัน

Facebook-Management YouTube Facebook-Consultant Facebook-Recruitment