วิธีจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีนสำหรับผู้ประกอบการไทย
เกี่ยวกับ TMA Group
TMA Group เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสรรหาบุคลากรและการให้คำปรึกษาทางธุรกิจในประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะให้บริการครบวงจรแก่ทั้งองค์กรและบุคคล รวมถึงการสรรหาบุคลากร การบริหารจัดการทางการเงิน การจัดการภาษี การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ และบริการอื่นๆ หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทย ยินดีต้อนรับติดต่อเราตลอดเวลา
ก้าวสำคัญในการสร้างแบรนด์ไทยให้เติบโตในตลาดจีน ตลาดจีนถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูงที่สุดในโลกด้วยจำนวนประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนและกำลังซื้อที่เติบโตต่อเนื่อง ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากจึงเริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหาร เครื่องสำอางแฟชั่น หรือบริการต่างๆ แต่สิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามคือ“การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีน”เพื่อป้องกันการถูกลอกเลียนแบบและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
ทำไมผู้ประกอบการไทยต้องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีน?
หลายแบรนด์ไทยที่เข้าไปทำตลาดในจีนประสบปัญหา“ชื่อแบรนด์ถูกจดไปก่อน”หรือ“ถูกลอกเลียนแบบโดยบริษัทท้องถิ่น”เพราะ ระบบกฎหมายจีนใช้หลัก“First-to-File”หมายความว่า ใครยื่นจดทะเบียนก่อน คนนั้นมีสิทธิ์ก่อน
ดังนั้น หากยังไม่ได้ยื่นจดในจีน แม้จะมีเครื่องหมายการค้าจดในไทยก็ไม่มีสิทธิ์คุ้มครองในประเทศจีน
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีนจึงเป็น การป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ และยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าหรือบริการในสายตาผู้บริโภคชาวจีนอีกด้วย
หน่วยงานที่รับผิดชอบ
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีนต้องดำเนินการกับ สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติของจีน (China National Intellectual Property Administration – CNIPA)
ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ดูแลการยื่นคำขอ การตรวจสอบ และการออกใบรับรองเครื่องหมายการค้า
ขั้นตอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีน
1. ตรวจสอบความซ้ำของเครื่องหมาย (Trademark Search)
ก่อนยื่นคำขอ ควรตรวจสอบว่าเครื่องหมายของเรามีผู้ใช้หรือจดทะเบียนไว้แล้วหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ของ CNIPA
หากพบว่าเครื่องหมายซ้ำหรือคล้ายกับของผู้อื่น ควรปรับแบบโลโก้หรือชื่อก่อนยื่นจริงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธ
2. เตรียมเอกสารประกอบการยื่นจดทะเบียน
ผู้ประกอบการไทยต้องจัดเตรียมเอกสารดังนี้:
สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล / หนังสือเดินทาง (กรณีบุคคลธรรมดา)
ตัวอย่างเครื่องหมายการค้า (Logo หรือชื่อแบรนด์)
รายการสินค้า/บริการที่ต้องการจดทะเบียน (ตามระบบ Nice Classification)
หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ายื่นผ่านตัวแทนในจีน)
หมายเหตุ: ชาวต่างชาติไม่สามารถยื่นจดโดยตรง ต้องผ่าน ตัวแทนจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark Agent) ที่ได้รับอนุญาตจาก CNIPA
3. ยื่นคำขอจดทะเบียน
ยื่นคำขอผ่านตัวแทนในจีน โดยสามารถเลือกจดในรูปแบบภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือทั้งสองภาษา เพื่อป้องกันการถูกนำชื่อไปใช้ในรูปแบบแปลภาษาจีน
4. ขั้นตอนการตรวจสอบและประกาศ
หลังจากยื่นคำขอ CNIPA จะดำเนินการตรวจสอบ 2 ขั้นตอนหลัก ได้แก่:
ตรวจสอบรูปแบบ (Formality Examination): ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร
ตรวจสอบเนื้อหา (Substantive Examination): ตรวจสอบความเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายที่มีอยู่
หากผ่านทั้งสองขั้นตอน เครื่องหมายจะถูก ประกาศในราชกิจจานุเบกษาจีน (Trademark Gazette) เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นคัดค้านได้
5. การออกใบรับรองเครื่องหมายการค้า
หากไม่มีการคัดค้าน หรือหากชนะคดีคัดค้าน เครื่องหมายจะได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ
ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปี และสามารถต่ออายุได้ทุก 10 ปีโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ระยะเวลา: ประมาณ 12–18 เดือน (หากไม่มีการคัดค้าน)
ค่าใช้จ่าย: เริ่มต้นที่ประมาณ 1,000–3,000 หยวน (ขึ้นอยู่กับจำนวนหมวดหมู่สินค้าและค่าบริการของตัวแทน)
เคล็ดลับสำเร็จ: การปกป้องแบรนด์ไทยในจีนอย่างมืออาชีพ
จดทะเบียนทั้งชื่อ ภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อป้องกันการถูกเลียนแบบ
เลือกตัวแทนที่มีประสบการณ์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ
ตรวจสอบสถานะการจดทะเบียนเป็นระยะผ่านระบบของ CNIPA
อย่ารอจนสินค้าขายดีในจีนแล้วค่อยจด เพราะอาจถูกผู้อื่นจดตัดหน้าได้ง่าย
สรุป: ก้าวแรกของแบรนด์ไทยสู่ตลาดจีนอย่างมั่นคง
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีนไม่ใช่เพียงขั้นตอนทางกฎหมาย แต่คือ การลงทุนเพื่อความมั่นคงของธุรกิจระยะยาว ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้าสู่ตลาดจีนควรดำเนินการตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อปกป้องแบรนด์และสร้างความเชื่อมั่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้
1. สถานีนี้ปฏิบัติตามมาตรฐานในวงการ และทุกบทความที่ถูกคัดลอกจะถูกทำเครื่องหมายชัดเจนว่าเป็นของผู้เขียนและแหล่งที่มา; 2. บทความต้นฉบับของสถานีนี้ โปรดระบุผู้เขียนและแหล่งที่มาเมื่อมีการคัดลอก เราจะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่ไม่เคารพสิทธิของผู้เขียน; 3. การส่งบทความของผู้เขียนอาจถูกดำเนินการแก้ไขหรือเพิ่มเติมโดยบรรณาธิการของเราในบางกรณีที่เหมาะสม
